เมื่อพูดถึงมาคารูนถึงแม้จะเป็นขนมหวานจากฝั่งตะวันตกที่มีมานาน แต่ในบ้านเราดูเหมือนเพิ่งมานิยมรับประทานกันมากในช่วงหลัง

แรกนั้นมาคารูนสร้างสรรค์ออกมาในแบบเดียวกับคุ้กกี้ ทำจากอัลมอนด์พาวเดอร์ ดั้งเดิมทำกันในอิตาลี ซึ่งที่นั่นเรียกว่า อะมาเรตติ สำหรับคำว่า Macaroon มาจากภาษาฝรั่งเศส Macaron (อ่านว่า มาคารง) ซึ่งมาจากคำว่า Maccarone ในภาษาอิตาลีที่ใช้เรียก Maccherone ซึ่งเป็นพาสตาชนิดหนึ่ง เหตุเพราะสีของอัลมอนด์พาวเดอร์เหมือนกับพาสตาชนิดนั้น ขนมชนิดดังกล่าวก็เลยมีชื่อว่า มาคารูน ด้วยประการฉะนี้

สูตรของมาคารูนปรากฏบนตำราอาหารมาตั้งแต่ปี 1725 ขณะที่เชื่อกันว่า มาคารูนเกิดในอารามของอิตาลีเมื่อปี 1792 ต่อมาแม่ชีสองคนซึ่งหลบซ่อนตัวในเมืองเล็กๆ ของฝรั่งเศสระหว่างช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสก็ได้ทำขนมชนิดนี้ออกขาย จึงถูกเรียกว่า มาคารูนซิสเตอร์ ต่อมาสูตรขนมก็แพร่ไปถึงชุมชนคนยิวในฝรั่งเศส มาคารูนกลายเป็นขนมสำหรับเทศกาลในฤดูใบไม้ผลิของคนยิว (เพราะในเทศกาลนี้คนยิวจะปรุงอาหารด้วยแป้งไม่ได้) ต่อมาขนมชนิดนี้จึงถูกแนะนำให้ทั่วโลกได้รู้จักในเวลาต่อมา

จากที่เคยบอกว่า มาคารูนต้องทำจากไข่ขาว ไอซิง และอัลมอนด์พาวเดอร์ ถ้านอกเหนือจากนี้ถือว่าเป็นมาคารูนไม่แท้ แต่ก็ไม่จริงเสมอไปขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละที่ จึงมีมาคารูนทำจากมะพร้าว มาคารูนทำจากฮาเซลนัตและน้ำผึ้ง ฯลฯ

แม้จะเรียกว่ามาคารูนเหมือนกัน หน้าตารสชาติก็แตกต่างออกไปได้ ของฝรั่งเศสจะเป็นแผ่นกลมหนึ่งคู่ประกบกันมีไส้ตรงกลาง แบบอิตาเลียนเหมือนคุกกี้ หรือแบบอเมริกันเหมือนขนมบ้าบิ่นของบ้านเราเพราะทำจากมะพร้าว (บางชนิดเคลือบด้วยช็อกโกแลตอีกที) เป็นต้น

มาคารูนแบบฝรั่งเศส เป็นขนมอร่อยเบาๆ ไม่หนักด้วยแป้ง กรอบนอก นุ่มลื่นด้านใน ตัวของขนมนั้นสามารถเติมแต่งกลิ่นด้วยกาแฟ วานิลลา หรือผลไม้ เช่นเดียวกับไส้ที่สามารถสร้างสรรค์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไส้ผลไม้ต่างๆ ช็อกโกแลต ชา วานิลลา ฯลฯ

ด้วยรูปพรรณและรสชาติทำให้มาคารูนกลายเป็นของหวานที่หลายคนโปรด โดยเฉพาะในหมู่เด็กๆ และสาวๆ ซึ่งเห็นแล้วเป็นอดใจไม่ไหวต้องคว้ามาชมและชิม เพราะอย่างนี้กระมังแฟนพันธุ์แท้ของมาคารูนจึงยกวันที่ 31 พ.ค. ของทุกปีให้เป็น National Macaroon Day